Thursday, March 01, 2007

Thursday, February 08, 2007

ใกล้จะถึงวัน แห่งความรักแล้วนะ เรายังม่ยยู้ว่าจาทามรายเลยอ่ะ อืมแต่ตอนนี้เรารู้แค่ว่าเราอ่ะรักคนคนหนึ่งมากมากเลย เราก้อรู้นะว่าเค้าก้อรักเรามากเช่นกัน
เราสัญยานะว่าเราจะทามทุกทุกวันที่อยู่ด้วยกันหั้ยมีความสุขที่สุข เราจะม่ายคิดถึงอนาคต เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ม่ายแน่นอน เราต้องรูอยู่แค่ว่าปัจจุบันเรารัก เราซื่อตรงอยู่กะคนคนนี้ก้อพอแล้ว เรารักเค้าด้วยหัวจัยที่เราสามารถจะหั้ยคนคนหนึ่งด้าย ความรักมานเป็นสิ่งที่สวยงามนะทุกทุกคนที่มีความรักก้อคงคิดเช่นนั้นเหมือนกันใช่ไหม เราจงรักษาความรักของเราไว้หั้ยดีที่สุดนะ จงจามไว้ ว่าอย่าทามหั้ยเค้าเสียจัยเด็ดขาด นัยเมื่อเราตัดสินจัยป่ายแล้วว่าเรา เลือกเค้าเค้าจาต้องมาเป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตเรา
เมื่อเราม่ายเข้าจัยกันเราก้อควรอย่าใช้แต่อารมณ์เปงใหญ่ เราต้องใช้เหตุผลคุยกัน
แฟนของเราบอกกะเราเสมอว่า เราต้องทามทุกวันเวลาที่เราอยู่ด้วยกันหั้ยเหมือน วันแรกที่เราคบกัน
จามไว้
สุดท้ายเราขอบอกว่าผู้ชายคนนี้ คือคนที่เราจะรักตลอดป่าย
น้องปลายรักเพ่เต้มากมากนะคัฟ สุดที่รัก

ฉัน รัก เธอ” (น่ารักมากคับ ^-^)
เมื่อตอนอายุ 5 ปี ..ฉันบอกว่า..ฉันรักเธอเธอเอียงคอน้อยๆ ..กระพริบตา-อันกลมโตของเธอ ..แล้วถามฉันว่า …“หมายความว่า..อะไรหรือ?”----------
เมื่อตอนอายุ 15 ปีฉันบอกว่า...ฉันรักเธอเธอหน้าแดงก่ำ ..ก้มหน้า-เล่นชายเสื้อเธอเองรู้สึกว่า..เธอกำลังยิ้มอยู่----------
เมื่อตอนอายุ 20 ปีฉันบอกว่า..ฉันรักเธอเธอซบลงบนไหล่ฉัน ..กอดแขนฉันไว้แน่นราวกับกลัวว่า...ฉันจะหายจากไป..ต่อหน้าเธอ----------
เมื่อตอนอายุ 25 ปีฉันบอกว่า...ฉันรักเธอเธอวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ ..แล้วเดินมาดึงจมูกฉัน...พร้อมกับพูดว่า...“รู้แล้ว! ตื่นขึ้นมาได้แล้ว ..จะนอนไปถึงไหน?”----------
เมื่อตอนอายุ 30 ปีฉันบอกว่า..ฉันรักเธอเธอหัวเราะ..แล้วพูดว่า“ถ้าเธอรักฉันจริงๆ ..เลิกงานแล้ว..ก็อย่าเถลไถลไปที่อื่นสิแล้วก็..อย่าลืมซื้อกับข้าวมานะ!”----------
เมื่อตอนอายุ 40 ปีฉันบอกว่า..ฉันรักเธอเธอเก็บจานชามบนโต๊ะไปล้าง...พร้อมกับพูดว่า“รู้แล้ว.. รู้แล้ว...รีบๆไปสอนการบ้านให้ลูกไป!”----------
เมื่อตอนอายุ 50 ปีฉันบอกว่า..ฉันรักเธอเธอนั่งถักเสื้ออยู่ ..แล้วพูดกับฉัน..โดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา“จริงหรือ? ในใจเธอ..ไม่ใช่คิดอยากจะให้ฉันตายเร็วๆรึไง?”แล้ว..เธอก็หัวเราะไม่หยุด----------
เมื่อตอนอายุ 60 ปีฉันบอกว่า..ฉันรักเธอเธอหัวเราะ-พลางทุบไหล่ฉัน“ตาบ้า! ลูกๆก็โตกันหมดแล้ว.. ยังจะมาทำปากหวานอีก!”----------
เมื่อตอนอายุ 70 ปีเรา..นั่งอยู่บนเก้ายาว ..ทบทวนจดหมายรัก...ที่ฉันเขียนให้เธอ...เมื่อ 50 ปีก่อน..ด้วยกันมืออันเหี่ยวย่น-ของเราสองคน..ก็จับกันไว้ตลอดเมื่อฉันบอกว่า..ฉันรักเธอเธอมองหน้าฉัน-แล้วยิ้มให้ถึงแม้ใบหน้าเธอ..จะเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นแต่..เธอก็คงยังแลดูสวยงาม..เสมอ----------
เมื่อตอนอายุ 80 ปีเธอบอกว่า..เธอรักฉันแต่..ฉันไม่ได้พูดอะไร-สักคำเพราะว่า..ฉันร้องไห้ออกมานี่..เป็นวันที่ฉันมีความสุข..มากที่สุดในชีวิตเพราะว่า..ในที่สุด..เธอก็ยอมพูดออกมาว่า..“ฉัน รัก เธอ”

อย่าทำลายรักของคุณด้วยคำว่า "เบื่อ"
หลังจากหมดช่วงข้าวใหม่ปลามัน คู่แต่งงานส่วนใหญ่ มักจะให้ความสนใจ ในเรื่องการสร้างครอบครัวเป็นหลัก ยิ่งถ้าอยู่ในฐานะคุณแม่บ้านด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งแล้วใหญ่ค่ะ เพราะต้องรับบทหนักทั้งงานราษฎร์งานหลวง สุดท้ายก็ไม่เหลือ เวลาส่วนตัวให้ตัวเองได้หายใจหายคอ หรือเอาอกเอาใจคนรักอย่างที่เคยทำ ของแบบเนี้ยนะ ยิ่งนานก็ยิ่งชิน ยิ่งชินก็ทำให้เบื่อ และนี่แหละคือ ที่มาของโรคเบื่อ ที่จะทำให้คุณ กลายเป็นแม่น้ำพริกถ้วยเก่า ของคุณสามี ที่ยังรักชอบความ ตื่นเต้นในชีวิตอยู่ไปเสียฉิบทำยังไงไม่ให้ "เบื่อ"1. ความเชื่อใจกัน ความเชื่อใจนี้ ถือเป็นการให้เกียรติ และการยอมรับในความ ต้องการ ที่แตกต่างของกันและกัน หมายถึงทั้งคู่ต้องไม่โกหก หลอกลวง และจะไม่พูด หรือทำ สิ่งใดที่ทำให้อีกคนต้องเสียใจ หรือเป็นการ ทำลายชีวิตคู่ 2. การรักษาสัญญา นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตแต่งงาน เมื่อคุณได้ให้สัญญาต่อกัน สัญญานั้น เปรียบเสมือนเกราะป้องกัน ไม่มีสิ่งใดมาทำลาย ความรักของคุณได้ "จะรักคุณ.ไม่ว่ายามเจ็บหรือยามสบาย จะรักคุณจนกว่าชีวิต จะหาไม่" คำสัญญานี้ จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายจาก กันไปเท่านั้น การรักษาคำมั่นสัญญา นอกจากจะช่วยให้คุณทั้งสอง สามารถ ผจญกับ อุปสรรคต่างๆ จนไปถึงเป้าหมายสูงสุดได้แล้ว มันยัง ช่วยให้คุณดิ่งลงสู่ ก้นเหวแห่งความทุกข์..เพราะคุณ ผิดคำ สัญญานั้น3. มีทักษะความชำนาญ ชีวิตแต่งงาน เป็นการที่คนทั้งสอง ตกลงว่าจะอยู่ด้วยกัน ไปตลอดชีวิต ซึ่งต้องอาศัยการทำความเข้าใจกันมากเป็นพิเศษ คุณต้องสามารถ แสดงออกว่า ต้องการอะไร รู้จักรับฟังเหตุผล ของอีกฝ่าย สามารถ ตัดสินใจ ในเรื่องต่างๆ ได้ดี สามารถไกล่ เกลี่ยต่อรองได้ แก้ปัญหาข้อขัดแย้งได้ ให้ความสนใจที่จะ พูดคุยกัน และแน่นอน คุณจำเป็นต้องรู้ ว่าจะทำมาหา กินอะไร และรู้วิธีทำ อาหาร วิธีดูแลบ้านช่องให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และสำคัญที่สุด วิธีการเป็นพ่อเป็นแม่คนที่ดี เขาทำกันอย่างไร4. การเอาใจใส่ดูแล วิธีทะนุถนอมให้ชีวิตคู่ยืนยาวนั้น คุณต้องรู้จักวิธี เอาอกเอาใจ กันบ้าง บางคู่แค่มองตา ก็รู้ว่าต้องการอะไร และจะทำแต่สิ่งที่เขา ชอบ และจะไม่ ทำอะไรที่เขาไม่ชอบให้ขุ่นเคืองใจ ซึ่งจะทำให้อีก ฝ่าย รู้สึกมีความสุขเหลือเกิน ที่ได้คุณเป็นคู่ชีวิต5. การเอาใจเขามาใส่ใจเรา "จงทำกับคนอื่นเหมือนกับ ที่อยากให้คนอื่นทำกับคุณ" หมายความ ว่า การจะทำสิ่งใดก็ตาม ให้คุณคิดก่อนว่า เมื่อทำแล้ว จะทำให้เกิด ผลดี ผลเสียกับใครหรือเปล่า ถ้าไม่ดีก็อย่าทำ เพราะ คุณคงไม่ อยาก ให้ใครมา ทำแบบนั้น กับคุณเหมือนกัน วิธีนี้นอกจาก จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณทำอะไร ที่จะทำร้ายจิตใจ คนที่คุณรัก แล้วยังเป็นเหมือน ตาข่ายที่จะช่วยกลั่นกรอง ให้คุณ ทำหน้าที่สามีหรือภรรยาที่ดี ได้สำเร็จอีกด้วย6. ความเพียร จะมีประโยชน์อะไร ถ้าคุณเป็นคนที่ เชื่อใจได้ รักษาสัญญา มีความ รู้ มีทักษะ และรู้วิธีดูแล เอาใจใส่ แต่ไม่ได้ใช้มัน การที่ชีวิตคู่จะ อยู่ดีมีสุขได้ คุณต้องใช้ ความพยายามในทุกๆ ด้าน ตลอดทั้งชีวิต ของคุณ ทีเดียว7. การคาดหวัง เหตุผลอย่างหนึ่ง ที่ทำให้คู่สามีภรรยารู้สึกว่าชีวิตแต่งงาน ของตัว เองล้มเหลว เมื่อพบว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ตั้งความหวังกับ ตัวเองไว้สูงมาก เป็นเรื่องปกติที่ คนเราจะวาดวิมานในอากาศ ถึงความสุขีสุโข กับชีวิตคู่ โดยคาดหวังว่า คู่ของตัวจะต้องเลิศ เลอเพอร์เฟค เป็นเพื่อนคู่คิดที่ดี เป็นตู้ ATM ให้กดได้ตลอดเวลา และที่สำคัญ มีความช่ำชองที่สุด กับเรื่องบนเตียง เฮ้ย.. ดูท่าความ ฝัน คงไม่มีทางเป็นจริงได้! เพราะเรื่องจริงกับ ความฝัน มันช่าง ห่างไกลกันเหลือเกิน แน่นอนที่คุณจะต้อง พบกับความผิดหวังครั้ง ใหญ่ ต้องเผชิญกับความล้มเหลว ความ เสียใจ แต่เชื่อเถอะ ในที่สุด คุณจะค่อยๆ ยอมรับความจริงได้เอง วิธีบำรุงชีวิตคู่ให้สุขสันต์เลือกเวลาเหมาะๆ เพื่อใช้เป็น เวลาอันมีค่า สำหรับพูดคุยกับ คนรักเกี่ยวกับ ชีวิตคู่ของคุณทั้งสองหมั่น แลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก และความต้องการของคุณ แต่เฉพาะในแง่ดีและสร้างสรรค์เท่านั้น เพราะยังไม่ถึงเวลา ที่จะมาต่อว่าหรือโต้เถียงกันกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึก ที่เป็นตัวตนจริงๆ ออกมา ไม่ว่าจะอยู่ใน อารมณ์แบบไหน : สนุกสนานเริงร่า เจ็บช้ำน้ำใจ เพ้อฝัน หรือแม้ แต่ เวลายินดี มีความสุข) โดยไม่ต้องคำนึงถึง เหตุผล ดีเลว และถูกผิด ใดๆทั้งสิ้นคิดจะพูด ก็ให้พูด เพื่อตัวคุณเอง โดยใช้คำเหล่านี้ "ฉันรู้สึกว่า" "ฉันอยากจะ.." "ฉันคิดว่า.." "ฉันชอบ.." แต่อย่าพูด แบบกลัวๆ กล้าๆ "คุณว่า…" หรือ "เขาพูดกันว่า…" มันทำให้คุณดูไม่มีความ มั่นใจในตัวเองค่อยพูดค่อยจากัน ด้วยภาษาดอกไม้ ให้ฟังแล้วรื่นหู "ฉันชอบจังค่ะ เวลาที่คุณช่วยฉันล้างจาน" พูดอย่างไรก็ได้ ให้คนฟังรู้สึกดีๆ และไม่เป็น การจุดชนวน สงครามน้ำลาย ขึ้นกลางวงควรให้มีการ "ขอเวลานอก" ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รู้สึกอึดอัด หรือยังไม่พร้อมที่จะสนทนาในเรื่องนั้นๆ ต่อ ก็สามารถ "ขอเวลา นอก" ซึ่งอาจจะพักสักครู่หนึ่ง หรือไม่ก็เปลี่ยนหัวข้อ การสนทนาซ่ะ โดยไม่ต้องถามเหตุผลใดๆ ทั้งนั้น เพราะเราจะรู้ สึกสนุก กับการ เล่า ก็ต่อเมื่อ เราสามารถเลือกเรื่อง เลือกเวลา ที่เราอยากเล่าได้หัดฟังคนอื่นเขาบ้าง และต้องฟังอย่างตั้งใจด้วย ว่าที่เขาพูด หมายความว่าอย่างไร แล้วลองเช็คกลับไป ด้วยการพูดทวนว่า ที่คุณเข้าใจนั้น ถูกต้องตามที่เขาพูดไหม จำไว้ว่า "เมื่อไรที่ไม่แน่ ใจ ไม่เคลียร์ ให้ถามได้เลย! "


คุณดูแลต้นแคร์ของคุณดีแค่ไหน ...
เวลามีปัญหา เวลามีเรื่องกระทบกระทั่งกันเคยแคร์ความรู้สึกคนอื่นบ้างใหม? เคยคิดถึงใจเขา - ใจเรา หรือไม่ ? ช่างมันฉันไม่แคร์ หรือ เขาไม่มีค่าพอให้เราแคร์ ! แคร์ความรู้สึกคนอื่นไม่ใช่เรื่องอ่อนแอ แต่เป็นเรื่องอ่อนโยน มิใช่เรื่องแข็งกระด้าง แต่เป็นเรื่องจิตใจที่แข็งแกร่ง มิใช่เรื่องพ่ายแพ้ แต่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เธอง้อฉันก่อนสิ ! ต่างคนต่างรอ สุดท้ายก็จะเป็นศิลามนุษย์ เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น เราจะเริ่มเป็นคนที่อ่อนโยน เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น เราจะปรับตัวก่อน เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น เราจะขอโทษเป็น เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น เราจะยอมแพ้โดยง่ายดาย เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น สุดท้ายคนอื่นก็จะต้องกลับมาแคร์คุณ……… ต้นแคร์เมื่อปลูกแล้วอย่าให้โตเองโดยธรรมชาติ แต่เจ้าของชีวิตต้องรดน้ำพรวนดินสม่ำเสมอ ต้นแคร์ไม่มีในหัวใจของคนแข็งกระด้าง แคร์คนอื่นเขาบ้าง ให้ความอาทรเป็นดั่งสายธารหลั่งใหลที่ฉ่ำชื่น แล้วเราจะเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ มีจิตใจดีงาม มีเสน่ห์ แล้วทุกวันนี้ล่ะ คุณดูแลต้นแคร์ของคุณดีแค่ไหน ...

เรื่องน่ารักๆ ของกามเทพและหัวใจ
ในอดีตกาลนามมาแล้ว เค้าว่ากันว่า มนุษย์ทุกคนมีหัวใจด้วยกันจริงๆแล้วทั้งหมดสองดวง แต่ยังมีเทวดาน้อยอยู่องค์หนึ่งซึ่งไม่รู้จักสิ่งที่เค้าเรียกว่าหัวใจ ด้วยความที่สงสัยว่าหัวใจนั้นมันเป็นอย่างไร เทวดาน้อยจึงได้ไปถามนางฟ้าผู้ที่ดูแลทางเข้าออกของประตูสวรรค์… “ท่านนางฟ้า โปรดบอกข้า หัวใจคืออะไร…?” “หัวใจ…ก็คือสิ่ง บริสุทธิ์ สวยงาม ที่สุดของมนุษย์ยังไงเล่า” “แล้วสิ่งที่เรียกมนุษย์อยู่แห่งใดล่ะ…?” “อยู่เบื้องล่างยังอีกฟากของประตูสวรรค์นี่ยังไงเล่า” “เปิดประตูให้ข้าไปชมหัวใจของมนุษย์ได้มั้ย นางฟ้า…?” “มิได้หรอก มันผิดกฎของสวรรค์ เจ้ากลับไปซะเถอะ แค่เจ้ามาสนทนากับข้าก็ผิดมากเท่าใดแล้ว เจ้ารู้ตัวมั้ย เจ้าเทวดาน้อย” เทวนาน้อยทำทีว่าหันหลังกลับไป แต่ด้วยความที่อยากได้หัวใจมาครอบครองไว้เป็นของตน จึงได้นำคันศรธนูมา ล้วยิงไปที่นางฟ้าผู้รักษาประตูสวรรค์หวังจะให้นางฟ้านั้นสลบไปในชั่วข้ามคืนนั้นเองเทวดาน้อยแอบเปิดประตูสวรรค์แล้วบินไปยังโลกมนุษย์ กลางดึกของคืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงบ มนุษย์ทุกคนต่างหลับกันหมดแล้ว เทวดาน้อยจึงแอบบินเข้าไปในบ้านของมนุษย์ทุกคน แล้วไปเอาสิ่งที่เรียกว่า “หัวใจ” ของทุกคนบนโลกมนุษย์ มาคนละหนึ่งดวง แล้วนำลอยขึ้นไปบนสวรรค์ หวังจะขโมยกลับไปเป็นของตน แต่ระหว่างที่เทวดาน้อยกำลังกลับเข้าไป ปากทางของประตูสวรรค์ได้มีนางฟ้าและเทวดาแห่งความรักยืนกั้นอยู่ เทวดาน้อยเห็นดังนั้นจึงบินหนี แต่นางฟ้าองค์หนึ่งได้บินตามเพื่อมาแย่งหัวใจของมนุษย์ทั้งหมดมาไว้ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อหัวใจทั้งหมดได้เกิดกระจายออกแล้วร่วงโปรยปรายไปยังบนโลกมนุษย์และได้เกิดการสลับสับเปลี่ยนเจ้าของหัวใจกันในค่ำคืนนั้นเอง… เทวดาน้อยถูกลงโทษด้วยการเป็นเด็กตลอดกาล และเปลี่ยนชื่อเป็นกามเทพให้อยู่บนโลกมนุษย์เพื่อตามหาหัวใจสองดวงของมนุษย์ที่ไ ปอยู่กับใครอีกดวงหนึ่ง ให้มาพบกันตลอดไป ตอนนี้หัวใจของคุณอีกดวงหนึ่งก็คงอาจจะอยู่กับใครบนโลกใบนี้ก็เป็นได้ อย่ารอให้ กามเทพ เป็นคนหาหัวใจให้คุณ… ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องตามหาหัวใจของคุณคืนมา และเมื่อคุณได้มันคืนมาแล้ว จงดูแลหัวใจคุณให้ดี อย่าได้ปล่อยให้หัวใจมันจากคุณไปอีก… เพราะคุณอาจจะไม่มีวันเจอหัวใจอีกดวงที่แท้จริงของคุณตลอดชีวิต หรือชั่วชีวิตก็เป็นได้ - - -

เมื่อเรารักกัน
When we inlove
เมื่อเรารักกัน...ไม่ต้องคิดว่าจะโง่หรือจะฉลาด ไม่ต้องคิดว่าถ้าเชื่อเค้าแล้วเราจะโง่ในสายตาใครๆ ไม่ต้องคิดว่าถ้าเปิดหูตารับฟังปากชาวบ้านเป็นการฉลาด ไม่ต้องคิดว่าถ้าเชื่อว่าเค้ารักเราคนเดียวเป็นเรื่องโง่ ไม่ต้องคิดว่าถ้ารู้ว่าเค้าทำอะไรเพื่ออะไรเป็นเรื่องฉลาด ไม่ต้องคิดว่าถ้าให้โอกาสเค้าเรื่อยๆ เป็นเรื่องโง่ ไม่ต้องคิดว่าถ้าตั้งกฎเกณฑ์แล้วจะฉลาด เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้เล่นเกม ไม่ใช่เล่นหมากรุกที่ต้องมองเชิงกันก่อน ไม่ใช่เล่นวิ่งไล่จับ..คนหนึ่งหนีคนหนึ่งวิ่งตาม ไม่ใช่เล่นซ่อนหา..ต้องตามจิกตามหาตลอดเวลา ไม่ใช่เล่นโยนเหรียญ..สุ่มเอาว่าจะหัวหรือก้อย เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้ทดลอง action = reactionเวลาเราให้เค้าไปไม่จำเป็นว่าต้องได้รับกลับ เวลาเค้าโมโหใส่ไม่จำเป็นต้องโมโหกลับ เวลาเค้าทำไม่ดีกับเราไม่จำเป็นต้องทำบ้าง เวลาเค้าไม่ทำดีให้ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรทำให้เค้า เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้ทดสอบทฤษฎี Demand & Supply ไม่เสมอไปที่ต้องการความรักมากๆแล้วเค้าจะมีให้เราน้อย ไม่เสมอไปที่ให้ความรักเค้ามากๆแล้วราคาความรักจะต่ำ ไม่เสมอไปที่จะมีจุดที่ความต้องการเท่ากับความรักที่ให้ เมื่อเรารักกัน....ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลให้กับเหตุการณ์ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นที่ต้องบอกเค้าว่า.... " เค้าคงไม่เห็นคุณค่าของสิ่งของที่เค้ามีถ้า เค้ายังไม่เสียมันไป...." รักกันไม่จำเป็นต้องขู่กันเรื่องความสำคัญ รู้อยู่ในใจก็พอ...ว่าเรารักกัน จำไว้ให้แน่นใจ...กับเรื่องดีๆที่เค้าพูด จำไว้ให้อบอุ่นใจ...กับสิ่งดีๆ ที่เค้าทำให้เรา ค้นมันออกมาเวลาเหงาใจ ค้นมันออกมาเวลาไม่มั่นใจ ค้นมันออกมาเวลาเสียใจ เพราะว่าเวลาใจเราอ่อนแอ สิ่งดีๆ ของเราสองคนมักจะหายไป อย่าปล่อยให้มันหายไป....เพราะ คนที่เค้าเคยทำให้เราอาจจะเสียใจ ที่เราหลงลืมเรื่องดีๆเหล่านั้นแล้ว Keep asking all the time

เรื่องดีๆของ น้องชาย...และพี่สาว
ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คนแต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3ปีวันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกันจากนั้นพ่อก็รู้เรื่องพ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพงโดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาดฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกันพ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้นทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้แล้วพูดว่า"ผมขโมยเองครับ"ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่องพ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุดจนพ่อหอบด้วยความเหนื่อยพ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน"ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีกแกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมดแต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อยกลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมากน้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า"พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อหลายปีผ่านไปแต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เองฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลยตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี...เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้นเขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียนม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลายก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกันคืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้านฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ"แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า"ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่"ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนนพ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆทั่วทั้งหมู่บ้านเพื่อขอยืมเงินฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า"ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืดน้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้นและถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิวก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉันขณะฉันกำลังหลับ"พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....ผมจะไปหางานทำแล้วจะส่งเงินมาให้พี่"ฉันนั่งอยู่บนเตียงอ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไปตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้านรวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้าง ...ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพักเพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธออยู่ข้างนอกแน่ะ"ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง...ฉันถามเขาว่า"ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้องและพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ"พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไงเธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงเป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉันแล้วพูดว่า"ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใดดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานานตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20ปี ส่วนฉันอายุ 23ปี วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรกฉันสังเกตเห็นว่าหน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้วเมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมากหลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจกเพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอกน้องชายลูกต่างหากวันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้านลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอน้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขาฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม"ฉันถาม"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆมีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมดแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะและ..."น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูดเพราะฉันหันหน้าหนีเขาน้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้งตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23ปี ส่วนฉันอายุ 26ปี...หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองหลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่งแต่เมื่อออกไปแล้วท่านไม่รู้จะทำอะไรดีจึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิมน้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป...เขาบอกกับฉันว่า"พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัวเราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท...แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดาวันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิลและตกลงมาเพราะโดนไฟดูดเขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาลฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลน้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า"ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ดูตัวเองซิเจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียดยังยืนยันความคิดเดิมของเขา"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธานส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการคงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย ฉันบอกกับน้องว่า"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่...""ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"น้องชายของฉันจับมือฉันไว้ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26ปี ส่วนฉันอายุ 29ปี...เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30ปีเขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกันในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า"ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งเราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. เพื่อเดินไปเรียนและเดินกลับบ้านวันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่งพี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่งและเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกลเมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาวเธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้นผมสาบานกับตัวเองว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดีและจะทำดีกับเธอ"เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วสายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉันคำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆวันในชีวิตของคุณและเขาคุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆแต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง..ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือพ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อนหรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม


ทำไมหัวใจของเราถึงอยู่ด้านซ้าย
เราใส่นาฬิกามือซ้ายที่ใส่มือซ้ายเพราะถนัดขวายกมือซ้ายขึ้นมาดูเวลาได้ง่ายแต่ถึงมีนาฬิกาเราก็ชอบไปสายอยู่ดีนาฬิกาก็แค่บอกเวลา..ไม่ได้ทำให้เราไปเร็วขึ้นคิดดูแล้ว..หัวใจก็อยู่ทางซ้ายเหมือนกันบางทีเราก็คิดนะ..ว่าอวัยวะในร่างกายที่มี2ชิ้นจะอยู่ซ้าย-ขวาอย่างแขน,ขา,ลูกกะตาทำนองนั้น..แล้วที่มีชิ้นเดียว..ก็แสดงความโดดของมันอย่างจมูก,สะดือก็อยู่ตรงกลาง..ประมาณนั้นแล้วทำไม..หัวใจถึงเอียงซ้ายล่ะ??บางทีเราก็คิดว่า..ที่เป็นงั้นก็เพราะใครบางคนอยากเตือนให้เรารู้ว่า..หัวใจเราไม่หนักแน่นพอจะอยู่ตรงกลางแล้วก็ไม่มีมากพอจะแบ่งเป็นสองด้วยเหมือนกัน


www.narak.com/poem

Wednesday, February 07, 2007

Tuesday, January 23, 2007


.. วันวาเลนไทน์ ..
วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอ ในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยัง สืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการ ที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุดภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลายครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สองท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็ก ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับ ๆ ด้วย และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศรีษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์
.. ทำไมจึงชื่อวันวาเลนไทน์ ..
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันวาเลนไทน์ ซึ่งพวกหนุ่มสาวมักจะรีบไปซื้อบัตรส่งทักทายกันส่งใจถึงกัน นับเป็นความนิยมมากขึ้น ประเพณีนี้เข้ามาสู่ประเทศไทยทีละเล็กละน้อย และดูเหมือนจะเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี เป็นประเพณีที่หนุ่มสาวนิยมกันมากเป็นพิเศษที่สหรัฐอเมริกาและที่ประเทศอังกฤษทำไมจึงมีชื่อว่า “วันวาเลนไทน์” และความหมายที่แท้จริงของวันนี้คืออะไร? และมาจากไหน?นักบุญ วาเลนไทน์ (Valentine) เป็นสงฆ์คาทอลิกองค์หนึ่งที่ได้ถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คริสตศักราช 270 ในสมัยพระเจ้าจักรพรรดิโรมัน เกลาดิอุส ที่ 2 ( Clanoius) โดยแท้จริงแล้วท่านนักบุญไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเพณีการเลือกคู่ หรือหาคู่ หรือหาแฟน หรือความรัก ความสนใจระหว่างหนุ่มสาว ท่านก็ไม่ ได้ไปเกี่ยวข้องด้วยเลย ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมจึงเลือกนักบุญองค์นี้มาเป็นองค์อุปถัมภ์สำหรับผู้ที่กำลังหาคู่ เลือกคู่หรือเลือกแฟนกันได้เล่า ? เหตุผลที่ค้นพบได้ก็คือ ที่มาของวันวาเลนไทน์ ไม่ขึ้นอยู่กับคนผู้นี้ แต่ขึ้นอยู่กับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประเพณีเลือกคู่ หรือหาคู่นี้มีมาแต่โบร่ำโบราณในทุกชาติ ดูเหมือนกับว่าได้เกิดขึ้นพร้อมกับวิวัฒนาการของมนุษย์ก็ว่าได้ ประเพณีวาเลนไทน์นี้ก็มีต้นเหตุหรือ ที่มาสมัยที่จักรวรรดิโรมันแผ่อิทธิพลไปทั่ว ชาวโรมันสมัย โบราณมีการฉลองเทพเจ้าองค์หนึ่งชื่อ ลูแปร์คูส (Lupercus) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ และถือว่าเป็นการฉลองใหญ่ ส่วนหนึ่งของการฉลองใหญ่นี้ก็จะเป็นการจัดงานหาคู่ของพวกหนุ่มสาว ซึ่งจัดขึ้นในวันก่อนวันฉลอง ใหญ่ 1 วัน คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้จะถือโอกาสให้พวกหนุ่มสาวเสนอตัวเป็นคนรักกันชั่วระยะเวลา 1 ปี ช่วงนี้จะเรียกว่าเป็นช่วงทดลองมิตรภาพเพื่อดูว่าทั้งคู่จะมีนิสัยใจคอเข้ากันได้หรือไม่ ชาวโรมันเป็นคนศรั ทธาในเทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็มีความเชื่อกันว่าพวกตนมีเทพเจ้าองค์หนึ่งซึ่งเขาขอให้เป็นผู้ดูแลความรักของเขาในระหว่างช่วงระยะเวลาการทดลองเป็นคู่รักกัน 1 ปี นั้น เทพเจ้าองค์นี้เป็นหญิงชื่อเทพธิดา Juno Februata ซึ่งตาม เทพนิยายของชาวโรมันเป็นมเหสีของ Jupiter องค์มหาเทพเจ้าทั้งหลายครั้นต่อมา เมื่อชาวโรมันส่วนใหญ่กลับใจมาถือศาสนาคริสต์ (ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 4 ) ประเพณีของหนุ่มสาวที่จะหาคู่เพื่อทดลองเป็นคนรักกันเพื่อจะแต่งงานกันในเวลาต่อไปนั้นก็ยังนิยมทำกันอยู่แม้ว่าจะเป็นคริสตชนแล้วก็ตาม ฉะนั้นเขาก็ยังรักษาประเพณีการเลือกคู่ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้นอยู่ตลอดมา เพียงแต่ว่าหนุ่มสาว โรมันชาวคริสต์ได้หันมาเปลี่ยนตัวผู้อุปถัมภ์องค์ใหม่ เพราะคริสตชนไม่นับถือเทพเจ้าหรือเทพธิดาอย่างกาลก่อน เขาจึงหันมาเลือกหานักบุญในคริสตศาสนาที่มี วันฉลองในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งก็มี นักบุญวาเลนไทน์องค์นี้เอง จึงขอยืมชื่อท่านมาเป็นองค์อุปถัมภ์แทนเทพเจ้าเดิมของชาวโรมัน เรื่องราวความเป็นมามีดังนี้ ฉะนั้นถ้าท่านนักบุญมีชีวิตอยู่ท่านอาจรู้สึกงงงวยในตำแหน่งที่หนุ่มสาวได้เลือกตั้งและแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้อุปถัมภ์ โดยที่ท่านไม่ได้รู้เรื่องทางโลกของหนุ่มสาวด้วยเลยแม้แต่น้อยความรักระหว่างหนุ่มสาวนั้นอาจจะเผชิญกับอันตรายบางอย่าง และอาจจะเป็นโอกาสให้พลังและความรักนั้นทำลายความสัมพันธ์อันสูงส่งระหว่างหนุ่มสาวนั้ นเอง ความหมายของการมีวันวาเลนไทน์นี้ก็คือการช่วยหนุ่มสาวหาวิธีการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันด้วยใจบริสุทธิ์ความหมายเห็นได้ชัดในคำว่า “You are my Valentine” ที่มักจะเขียนลงในบัตรส่งใจถึงกันและกัน ประโยคตามความหมายเดิม หมายถึงว่า “ข้าพเจ้าขอเสนอตัวเป็นเพื่อนสนิทของท่านในช่วงเวลา 1 ปี และข้าพเจ้าพร้อมที่จะตกลงแต่งงานกับท่าน ถ้ามิตรภาพของเรานี้เป็นสิ่งที่ยืนยง”
ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวที่จะช่วยให้ก้าวหน้าในความรักที่แท้จริงนั้น ก็ควรจะประกอบด้วย 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้ 1. ให้รู้จักกันทั้งในด้านดี ในด้านเสีย และข้อผิดพลาดซึ่งต่างก็มีอยู่ และยอมรับซึ่งกันและกันในข้อเหล่านั้น 2. ให้เคารพและเห็นใจกัน โดยเสียสละต่อกันเพื่อให้คนรักของตนได้รับความดี และความสุขใจในทางที่บริสุทธิ์งดงาม3. ให้มีการปรับปรุง และเปลี่ยนนิสัยของตนในส่วนที่บกพร่อง เพื่อจะอยู่กันด้วยความสุขในอนาคต
ลักษณะทั้งสามดังกล่าวนี้ คงจะเป็นประโยชน์สำหรับหนุ่มสาวไทยไม่เฉพาะ ในวันวาเลนไทน์หรือสำหรับกลุ่มที่นิยมประเพณีต่างประเทศเท่านั้น แต่สำหรับทุกคู่ที่แสวงหาวิธีการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันอัน จะนำไปสู่ความรักที่มั่นคงและยั่งยืนชั่วชีวิต

..คิวปิด..
คนทั่วไปรู้จักคิวปิดในภาพของเด็กน่ารักที่มีปีก มือถือคันธนูกับลูกศรและมีชื่อเสียงในเรื่องการยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อใคร ศร รักของคิวปิดหมายถึงความปรารถนาและอารมณ์แห่งความรัก คิวปิดจะเล็งลูกศรไปที่พระเจ้าและมนุษย์เพื่อทำให้พระเจ้ากับมนุษย์รักกันคิวปิดมักจะมีบทบาทในการเฉลิมฉลองความรัก ในกรีกโบราณ คิวปิดเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่าเอโรสลูกชายแอฟโรไดท์ เทพธิดาแห่งความรักและความสวยงามแต่สำหรับพวกโรมัน เขาคือคิวปิดและแม่ของเขาคือวีนัส มีเรื่องน่าสนใจพอสมควรเกี่ยวกับคิวปิดและไซคีเจ้าสาวของเขาในเทพนิยายโรมันผมขอแนะนำผู้อ่านให้รู้จักคู่รักของคิวปิดสักนิดนะครับว่าเธอเป็นเทพธิดารูปงามในนิยายกรีกโบราณมีปีกเป็นผีเสื้อ และเพราะความ งามนี้เองที่ทำให้วีนัสอิจฉา นางจึงได้สั่งคิวปิดให้ลงโทษว่าที่ลูกสะใภ้เสีย แต่คิวปิดตกหลุมรักเธอเกินกว่าที่จะทำตามความต้องการของแม่ ดังนั้น แทนที่จะลงโทษเธอ คิวปิดกลับเอาเธอเป็นภรรยาเสียเลย แต่เนื่องจากไซคีมิได้เป็นอมตะ เธอจึงถูกห้ามมิให้มองเขา (ตรงนี้ผมไม่ทร าบเหมือนกันนะครับว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ได้เธอเป็นภรรยาแล้วภรรยามองไม่ได้ แต่อย่าไปคิดอะไรมากนะครับ เพราะเทพนิยายฝรั่งก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากละครน้ำเน่าบ้านเรา) หลังจากตกเป็นภรรยาของคิวปิดแล้ว ไซคีก็มีความสุขเรื่อยมา (ก็แหงละ) จนกระทั่งพี่สาวของเธอได้รบเร้าให้เธอมองคิวปิด ทันทีที่เธอมองคิวปิด คิวปิดก็ลงโ ทษเธอด้วยการทิ้งเธอไปทันที พร้อมกันนั้นปราสาทและสวนอันสวยงามของเธอก็ต้องมลายหายไปด้วย หลังจากนั้นไซคีก็พบว่าตัวเองอยู่ตามลำพังในทุ่งโล่งแห่งหนึ่งซึ่งไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นๆหรือคิวปิดปรากฏให้เห็นเลย ในขณะที่เธอออกเดินทางค้นหาคนรักของเธอนั้น เธอก็มาถึงวิหารของวีนัสโดยบังเอิญ เมื่อวีนัสเทพธิดาแห่งความรักพบว่าไซคียังมีชีวิตอยู่ เธอก็ปราถนาที่จะ ทำลายไซคีด้วยการให้งานที่หนักและอันตรายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ งานสุดท้ายที่ไซคีได้รับมิใช่งานขับเครื่องบินชนตึกเวิร์ลเทรดครับ หากแต่เธอได้รับกล่องใบหนึ่งมาและได้ถูกสั่งให้ลงไปยังใต้โลกเพื่อเอา ความงามของโพรเซอร์พีนภรรยาของพลูโตใส่กล่องใบนี้มา ในระหว่างที่เธอเดินทางอยู่นั้น เธอก็ได้รับคำแนะนำให้รู้จักการหลีกเลี่ยงอันตรายจากอาณาจักรแห่งความตาย นอกจากนั้นแล้ว เธอยังได้ถูกเตือนมิให้เปิดกล่องใบนั้นอีกด้วย แต่เพราะทนไม่ไหวหรือเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรืออะไรก็ไม่ทรา บ เธอได้เปิดกล่องใบนั้น แต่แทนที่จะพบกับความงาม เธอกลับต้องหลับเป็นตาย ต่อมา คิวปิดได้มาพบร่างอันไร้ชีวิตของเธอบนพื้นดิน เขาจึงได้นำเอาอาการหลับเป็นตายออกจากร่างของเธอและนำมันไปเก็บไว้ในกล่อง หลังจากนั้นคิวปิดก็ได้ให้อภัยเธอเช่นเดียวกับวีนัส เมื่อเทพเจ้าทั้งหลายเห็นความรักที่เธอมีต่อคิวปิด จึงได้ตั้งให้เธอเป็นเทพธิดาองค์หนึ่งปัจจุบันนี้ รูปคิวปิดแผลงศรเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่ผู้คนมักนิยมใช้กัน และเมื่อศรรักของคิวปิดพุ่งโดนหัวใจหนุ่มสาวคนใดในวันวาเลนไทน์ หนุ่มสาวคนนั้นก็จะออกอาการ "สติวปิ้ด"จากศรรักของคิวปิดขึ้นมาทันที อาการนี้จะเห็นได้จากการส่งดอกกุหลาบสีแดง ส่งช็อคโกแล็ต การส่งบัตรอวยพรและอื่น ๆ อีกครับ หมายเหตุท้ายบท : "สติวปิ้ด" เป็นภาษาอังกฤษแปลว่า "โง่" ครับ เหมือนคำบางคำที่เราอาจเคยได้ยินว่า "ความรักบางครั้งก็ทำให้คนตาบอด และ มองไม่เห็นข้อบกพร่องของคนที่เรารัก"
..ดอกไม้ในวันวาเลนไทน์..
มนุษย์ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อในการแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว เราอาจจะคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่สามารถใช้สื่อความหมายเฉพาะความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิดสามารถสื่อความรักได้หลาย รูปแบบ ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศอีกด้วย
กุหลาบแดง (red rose) : จะใช้ในความหมายแทน ประโยคที่ว่า "ฉันรักเธอ" การให้ดอกกุหลาบแดงกับคนที่รักความ หมายถึงความรักอันลึกซึ้ง จริงจัง กุหลาบแดงจึงมักจะเป็นดอกไม้ ที่ชายหนุ่มให้หญิงสาวที่ตนเองตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน
กุหลาบขาว (white rose) : สีขาวเป็นสีแห่งความบริสุทธ์ กุหลาบขาวจึงแทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์ใจม่ต้องการ สิ่งตอบแทน ดังนั้นมันจึงสามารถใช้แทนความรักของคนต่างวัย ความรักต่อพ่อแม่ เพื่อน หรือคนที่เรารู้สึกดีด้วยอย่างบริสุทธิ์ใจได้
กุหลาบชมพู (pink rose) : มักถูกใช้แทนความรักแบบโรแมนติก และความเสน่หาต่อกัน การให้ดอกกุหลาบสีชมพูสามารถแสดงถึงความรัก ที่กำลังเริ่มงอกงามในใจ และสามารถพัฒนาต่อไปเป็นความรักที่ลึกซึ้งได้
กุหลาบเหลือง (yellow rose) : สีเหลืองเป็นสีแห่งความสดใส กุหลาบสีเหลืองถูกใช้สำหรับแทนความรักแบบเพื่อน และความ สนุกสนานรื่นเริงจึงมักจะนำมันมาประดับตะกร้าสำหรับเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อทำให้คนป่วยรู้สึกสดชื่นรื่นเริงขึ้นนั่นเอง
สำหรับดอกไม้อื่น ๆ ที่ถูกมาใช้แทนความหมายแห่งความรักก็มี ดอกทิวลิบสีแดง (red tulib) ชาวตะวันตกใช้มันแทนการประกาศความรัก อย่างเปิดเผย คล้าย ๆ กับดอกกุหลาบแดง
ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู(pink carnation) ใช้สื่อความหมายว่า "ถึงอย่างไรผมก็ยังรักคุณ"หรือ "คุณยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ"
ดอกลิลลี่สีขาว (white lilly) แสดงความรักแบบบริสุทธ์ เช่นเดียวกันกับดอกกุหลาบขาว นอกจากนั้นลิลลี่สีขาวยังแสดงถึงความรักแบบอ่อนหวานจริงใจ และเทอดทูน และมักถูกใช้แทนประโยคที่ว่า "ฉันรู้สึกดี ๆ ที่ได้ได้รู้จัก และอยู่ใกล้คุณ "
สำหรับดอก forget-me-not มีความหมายตรงตัวคือได้โปรดอย่าลืมฉัน และอย่าลืมความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน

มาถึงดอกไม้ที่เห็นได้ทั่วไปในบ้านเราบ้างดอกทานตะวัน (sunflower) มีความหมายถึงความรักแบบคลั่งไคล้ ความรักแบบบูชา แต่สำหรับชาวตะวันตก ดอกทานตะวันจะหมายถึงความเข้มแข็งอดทน จึงสามารถใช้แทนความรักที่ต้องฝ่าฟันกว่าจะได้ความรักมา
จะเห็นได้ว่าดอกไม้เป็นประดิษฐกรรมทางธรรมชาติที่มนุษย์เรานำมาใช้เป็นสื่อแทนความหมาย แห่งความรักได้หลายรูปแบบ การมอบดอกไม้ให้กับคนที่เรามีความรู้สึกพิเศษจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควร มองข้าม...Vlentine นี้คุณมีดอกไม้ในใจที่จะให้คนที่คุณรักแล้วหรือยัง


Wednesday, November 29, 2006

Tuesday, November 28, 2006

Myspace For Girls Only - MyGirlySpace.com
ความแตกต่างระหว่างคู่รัก คู่ขา และคู่แต่ง
คู่รัก...นัดเจอกันในงานเลี้ยง คู่ขา...นัดเจอกันหลังงานเลี้ยง คู่แต่ง...เธออยู่บ้านฉันจะไปงานเลี้ยง คู่รัก...เปิดหนังโรแมนติกร้องไห้ด้วยกันตอนจบ คู่ขา...เปิดหนังเอ็กซ์ดูด้วยกันไม่ทันจบ คู่แต่ง...ซื้อทีวีรุ่นจอเดียว แยกได้สองช่อง คู่รัก...ไม่พยายามคิดเรื่องทะเลาะกัน คู่ขา...ไม่พยายามคิดเรื่องเป็นคู่กัน คู่แต่ง...พยายามคิดเรื่องเป็นโสด คู่รัก...โลกนี้เป็นของเราสองคน คู่ขา...เรื่องนี้รู้แค่เราสองคน คู่แต่ง...เรื่องทั้งโลกกลายเป็นเรื่องระหว่างเราสองคนได้ทั้งนั้น รวมทั้งเรื่องของพ่อตาแม่ยาย และญาติสนิทมิตรสหาย คู่รัก...โทรศัพท์ถึงคุณเพื่อบอกว่า รักเธอเหลือเกิน คู่ขา...เซ็กซ์โฟน คู่แต่ง...โทรศัพท์มาเพื่อบอกว่า กลับดึกไม่ต้องรอ คู่รัก...ทุกครั้งที่เขียนใส่สมุดบันทึก คือบทกวีหวานกลั่นจากหัวใจ คู่ขา...ทุกครั้งที่เขียนใส่สมุดบันทึก คือหมายเลขของคู่ขาใหม่ คู่แต่ง...ทุกครั้งที่เขียน คือเช็คส่วนบุคคล กับบันทึกค่าใช้จ่าย คู่รัก...สบตากันริมถนน คู่ขา...ลิ้นพันกันบนโซฟา คู่แต่ง...หลังชนกันบนเตียง คู่รัก...แสดงความอาทรให้เขาสังเกต คู่ขา...แสดงอาการเมื่อโดนสะกิด คู่แต่ง...แสดงอารมณ์โดยไม่สะกิด คู่รัก...กล่าวคำอำลาว่า ฉันรักเธอ คู่ขา...กล่าวคำอำลาว่า อย่าลีมกินยาคุม คู่แต่ง...กล่าวคำอำลาว่า ซักผ้าด้วย คู่รัก...เรียกคุณว่า ที่รักด้วยเสียงอ่อนหวาน คู่ขา...เรียกคุณว่า ที่รักด้วยเสียงกระเส่า คู่แต่ง...เรียงคุณว่าที่รัก ขอกาแฟแก้ว คู่รัก...สนใจขนาดของนิ้วสวมแหวน คู่ขา...สนใจขนาดของยกทรง คู่แต่ง...สนใจรอยลิปสติกที่ปกเสื้อ คู่รัก...เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาตั้งใจฟังและขำกลิ้ง คู่ขา...เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาบอกว่า หยุดเถอะ วันนี้ต้องทำเวลา คู่แต่ง...เมื่อคุณเล่าเรื่องตลก เขาบอกให้คุณช่วยอธิบายหน่อย อีกห้านาทีพยักหน้า แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ?

Glitter Graphics, MySpace Graphics, Myspace Glitters, MySpace Codes, MySpace layouts, Doll Codes from http://www.dressupmyspace.com

Glitter Graphics, MySpace Graphics, MySpace Codes, MySpace layouts, Doll Codes from http://www.dressupmyspace.com
Idiom
"When you think you don't need love is when you need it most."
เมื่อไหร่ที่คุณคิดว่า คุณไม่จำเป็นต้องมีความรัก นั่นคือ เวลานั้นคุณต้องการมันเป็นที่สุด

"When looking for love, don't be selfish and look just to be loved,look for love to give all the love you have. Only then can you find love."
ในขณะที่คุณกำลังชำเลืองหาความรัก จงอย่าเห็นแก่ตัวที่จะรับความรักแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่จงค้นหาความรักที่ทำให้คุณรู้จักการให้ในความรักที่คุณมีทั้งหมด เมื่อนั้นคุณจะค้นพบความรัก

"When you love, don't give your all, but give your best. It's not quantity after all, it's quality."
เมื่อคุณมีรัก มิใช่มอบให้เขาทั้งหมด แต่จงให้ในสิ่งที่ดีที่สุด เพราะทั้งหมดไม่ใช่ปริมาณ แต่เป็นคุณภาพต่างหาก

"We may not always know the moment that love begins, but we always know when it ends."
เราไม่เคยรู้เลยว่าความรักเริ่มต้นเมื่อไหร่ แต่เราจะรู้ดีเสมอเมื่อมันสิ้นสุดลง

"True love is like ghosts, which everyone talks about but few have seen."
รักแท้เหมือนวิญญาณ ที่ทุกคนกล่าวขวัญถึง แต่คนน้อยนักที่จักได้เห็น

"Absence does for love what the wind does for a flame: it extinguishes the weak, and feeds the strong."
ความรักไม่มีตัวตน เสมือนกับลมที่ทำให้เปลวไฟติด หรือดับได้ รักก็สามารถทำให้คนอ่อนแอ หรือเข้มแข็งได้เช่นกัน

"Absence to love is like the wind to fire,It extinguishes the small but kindles the great."
การห่างเหินมีค่าต่อความรักประหนึ่งสายลมต่อไฟ มันจะทำให้รักที่เล็กน้อยมอดลง แต่จะโหมความรักที่ยิ่งใหญ่

If the eye is a window to the soul then the heart is the doorway to love."
หากดวงตาเป็นหน้าต่างสู่จิตวิญญาณ ดังนั้นหัวใจก็เป็นประตูสู่ความรัก

"In the arithmetic of love, one plus one equals everything, and two minus one equals nothing."
ในข้อที่ว่าเกี่ยวกับเลขคณิตของความรัก 1+1 จะเป็นได้ในทุกๆ สิ่ง และ 2 - 1 เท่ากับไม่มีอะไรเหลือเลย

Saturday, October 07, 2006


คลิกที่รูปเลยคัฟถ้าหาอารายม่ายเจอคัฟป๋ม

วันนี้มี คำศัพท์ 3 ภาษา มาฝากนะคัฟ มาอ่านกันดูคัฟ
japan อุมิ japan ตัยโย japan อทซึย
English summer English sun English hot
ไทย ฤดูร้อน ไทย พระอาทิตย์ ไทย ร้อน
japan อะเซะ japan วะตะชิวะ.....เอะอิคตัย
English sweat English i want to go to.......
ไทย เหงื่อออก ไทย อยากจะไป
japan บีจีบบังงุ japan มิสุงิ
English beach bag English swimsult
ไทย กระเป๋าชายหาด ไทย ชุดว่ายน้ำ

เจ้าหญิงวุ่นวาย กะ เจ้าชายเย็นชาคัฟป๋ม

Perhaps Love (Is this love?)/ HowL & J I don't remember when it happened. I'd get dizzy just thinking about you. Because my thoughts kept stretching, my heart was surprised. It's a little awkward that I keep saying to you that "it's nothing" and that "my heart's just trifling" Is this love? And if you feel the same way, is this the beginning? My heart keeps saying it loves you and the more the world listens the louder it yells it. Why is it just now that I hear it? That the love has been found us so we might be together. Even if I try to explain my feelings, the only true way to understand would be to become me and feel them. I'm already inside of you, just how you're inside of me. I don't know if we've gotten used to the meaning between us. Is this love? And if you feel the same way, is this the beginning? My heart keeps saying it loves you and the more the world listens the louder it yells it. Why is it just now that I hear it? That the love has been found us so we might be together. Now that I think about it, there were so many moments of fluttering. I'll make up for all the time lost. I'll be with you and give you only good memories, so in return you can't leave me. Even the slightest moments make me feel uneasy Stay with me I'm loving you (until then) like this (only you) already

คำแปลเนื้อเพลงคัฟ

ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ฉันเฝ้าคิดถึงแต่เธอ นับวันความคิดถึงนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ฉันรู้สึกร้อนรุ่ม เหมือนใจฉันจะระเบิด ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ได้แต่บอกเธอว่า “ไม่มีอะไรหรอก” มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร มันคือรักใช่ไหม? เธอก็รู้สึกเหมือนกันใช่ไหม? ใจฉันเฝ้าแต่พร่ำบอกว่ารักเธอ มันร่ำร้องในใจ เหมือนอยากจะบอกให้โลกได้รับรู้ อีกนานแค่ไหน ที่ฉันจะกล้าบอกรักเธอ เมื่อความรักได้นำพาเรามาพบกัน และฉันได้รักเธอ อยากให้เธอรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร ทางเดียวที่เธอจะรู้สึกเหมือนฉันก็คือ ฉันได้เข้าไปอยู่ในใจของเธอแล้ว เหมือนที่เธอได้เข้าไปอยู่ในใจฉันเช่นกัน เราทั้งสองคนอาจยังไม่รู้ใจตัวเอง เพราะเราอาจคุ้นเคยกันเกินไป เมื่อฉันนึกถึงช่วงเวลามากมายที่เราอยู่ด้วยกัน ใจฉันก็สั่นไหว ช่างยากเย็นนัก ที่ฉันเพิ่งจะรู้ใจตัวเอง ฉันอยากอยู่กับเธอ มอบความทรงจำแสนหวานนี้แก่เธอ โปรดอย่าจากฉันไปอีกเลย แม้ช่วงเวลาสั้นๆที่ไม่มีเธอ ก็ทำให้ฉันกระวนกระวายใจแทบบ้า โปรดอยู่เคียงข้างฉันได้ไหม? ฉันจะรักเธอตลอดไป (ตลอดไป) เพราะฉันรักเธอมากเหลือเกิน (รักแต่เธอคนเดียว)


Two Davy Crockett Stories
Davy Crockett is a popular American folk hero. He was a real person, but today we remember him for the funny stories about him instead of for the exciting things he did. He liked to tell stories about himself. For a long time he was a congressman. In Congress, too, he liked to tell funny stories about himself before he began to talk about serious things. These stories are like many others he told.
@@@@@@
Two or three times a year I see the badman of the Ohio River, the boatman Mike Fink. We are friendly enemies. Once Mike sent me a letter. In the letter he invited me to a shooting match. He can shoot well, but I can shoot better. However, I lost this match. When I had time, I visited Mike Fink at his home. I got my gun ready for shooting. " You shoot first," said Mike. " All right," I said, and I shot at a cat a hundred and fifty yards away. The shot took the hair from its head, but the cat didn't move. It didn't know its hair was gone. " Not bad," said Mike. Then the cat began to wash its head. When it found its hair was gone, it turned its back and ran. That was a lucky cat, because now Mike Fink was looking for something to shoot at. When his gun was ready to shoot, he shot at a chicken. That chicken was at the end of the earth. When Mike's gun was empty, the chicken had only one feather on its back. "That's good shooting," I said politely, and then I shot off the last feather. That made me very happy, but Mike didn't say, "Very good! " this time. Instead he looked for another place to shoot. The chicken was hiding now, but Mike saw his wife instead. She went to the river three times a day to get water. Mike saw her walking up from the river with a pitcher of water in her hands. In her hair was a small comb, and shot away half of it. "Be still," Mike called to her. "Davy Crockett wants to shoot next." Mrs. Fink stood very still. "Try to shoot away the other half of the comb," said Mike. No, no, Mike," I said. "I'm too polite to shoot at a woman. You win the match, Mike."
@@@@@@
One time I was out with my gun. I was at a place called Great Gap when I saw a raccoon up in a tree. When I pointed my gun at him, he put up one paw and asked, "Is your name Crockett?" "That's right," I said. "My name is Davy Crockett." "Then you don't have to shoot," said the raccoon, "because I'm coming down. I know I can't hide from you, even if I run to the ends of the earth." He walked down the tree to me and stood still. I didn't move, and he said finally, "Here I am. Why don't you shoot me?" I couldn't shoot that raccoon. I patted him on the head and said, "I'll shoot myself before I shoot at a hair off your head. I never heard a better compliment." "I'm glad you think that," said the raccoon. "Now I'll go away. I believe you,, but I don't want to be here when you change your mind."
@@@@@@

Be fall I fall inlove
My heart says we've got something realCan I trust the way I feel Cuz, my hearts been fooled beforeAm I just seeing what I want to seeor is it true could you really be
Someone to have and holdwith all my heart and soulI need to know before I fall in lovesomeone who'll stay around through all my up's and down'sPlease tell me now before I fall in love

I'm at the point of no returnSo afraid of getting burned but I wanna take a chanceOh, please give me a reason to believesay you're the one that you'll always be

Someone to have and holdwith all my heart and soulI need to know before I fall in loveSomeone who'll stay around through all my up's and down'sPlease tell me now before I fall in loveIt's been so hard for meto give my heart awaybut I'd give my everything

Someone to have and holdwith all my heart and soulI need to know before I fall in loveSomeone who'll stay around through all my up's and down'sPlease tell me now before I fall in loveBefore I fall in love




คลิกที่นี้ดิแล้วจามีอาราย
Today I am very happy . Because i meet my daling and to watch the movie . I think this today is very happy.Umm I have to idiom for friend to inlove.
  1. I love you not because of who you are, but because of who I am when I am with you. ฉันรักเธอไม่ใช่เพราะสิ่งที่เธอเป็น แต่รักเพราะสิ่งที่ฉันเป็น เวลาที่ได้อยู่กับเธอ

No man or woman is worth your tears, and the one who is, won't make you cry. ไม่มีผู้ชาย(หรือผู้หญิง)คนไหนควรค่ากับน้ำตาของเธอ แต่ต่อให้มีคนที่มีค่ามากพอที่เธอจะเสียน้ำตาให้ เค้าจะต้องไม่ทำให้เธอร้องไห้

Just because someone doesn't love you the way you want them to, doesn't mean they don't love you with all they have. ดารที่ใครซักคนไม่ได้รักเธอแบบที่เธอต้องการให้เป็น ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่ได้รักเธอด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่เค้ามี A true friend is someone who reaches for your hand and touches your heart . เพื่อนที่แท้จริงคือใครซักคนที่ยื่นมาเข้ามาถึง และสัมผัสได้ถึงใจและความรู้สึกเธอ

The worst way to miss someone is to be sitting right beside them knowing you can't have them. สิ่งที่แย่ที่สุดเวลาคิดถึงใครคนนึง....คือเวลาที่เธอใกล้เค้าที่สุด แต่เค้าดูไดลเหลือเกิน เพราะเธอไม่มีทางได้เค้ามา Never frown, even when you are sad, because you never know who is falling in love with your smile. อ๊ะ อย่าขมวดคิ้ว แม้ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์เสียใจ เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่า กำลังมีใครตกหลุมรักรอยยิ้มของเธออยู่รึเปล่า